วิธีฝึกหัดมวยไทย สมัยก่อน ตามวิธีของ พระเหมสมาหาร
วิธีฝึกหัดมวยดังได้ฝึกมาแต่ก่อน จะปฏิบัติดังต่อไปนี้
๑. เมื่อเวลาลุกขึ้นจากนอนไม่ว่าเวลาใด ให้นอนหงายเหยียดเท้าตรงไปทั้งสองข้าง ให้ชกสองมือสุ่มขึ้นไปทั้งสองมือ จน ตัวตั้งตรงขึ้น วิธีทำดังนี้ หวังว่าให้เส้นสายบริบูรณ์ และให้มือสันทัดทั้งสองข้าง
๒. เมื่อเวลาจะล้างหน้า ให้เอามือวักน้ำมารอหน้า อย่าเอามือถูหน้า ให้เอาหน้าถูมือ กลอกไปมาจนล้างหน้าเสร็จ วิธีอันนี้ ทำให้ตาเราดี ไม่วิงเวียน เมื่อจะลอดหลบหลีก และให้เส้นสายคอของเราเคยด้วย
๓. เมื่อตะวันขึ้น ให้นั่งหันหน้าไปทางตะวัน เพ่งดูตะวันแต่เช้าไปจนสายพอสมควร วิธีอันนี้ ทำให้แสงตากล้า ถึงเขาจะ ชก หรือเตะมา ตาเราก็ไม่หลับเพ่งดูเห็นอยู่ได้ ไม่ต้องหลับตา
๔. เมื่อเวลาอาบน้ำ ให้มุดลืมตาในน้ำทุกที วิธีอันนี้ ทำให้แสงตากล้าขึ้นได้
๕. แล้วให้ลงไปในน้ำเพียงคอ ให้ถองน้ำทั้งสองศอกชุลมุน จนลอยขึ้นได้ วิธีอันนี้ ทำให้คล่องแคล่วกระบวนศอก และ บำรุงเส้นสาย ด้วย
๖. เมื่อเวลาเช้า เย็น หรือ กลางคืน ให้ชกลม เตะลม ถีบลม และกระโดดเข้ากระโดดออก เล่นตัวให้คล่องแคล่ว ทั้งศอก ทั้งเข่า เสมอ ทุกวัน วิธีอันนี้ เป็นที่ประเสริฐจริง ๆ
หมดวิชาฝึกหัดตัวเองเท่านี้
เมื่อครูเห็นว่า มือและเท้า ชก เตะ ถีบ คล่องแคล่วดีแล้ว จะบอกไม้ และยกครูเสียก่อน กรวย ๖ กรวย เงิน ๖ สลึง ผ้าขาว ๖ ศอก ดอกไม้ ธูป เทียนยกครู จุดธูปเทียนบูชาครู ครูจึงให้ยืนตรงขึ้นเท้าเรียงชิดกัน ครูจึงจับมือทั้งสองยกจรดหน้าผาก และประสิทธิ์ให้ว่า
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิกาละ ตะถาคะโต สิทธิเตโช ไชยโยนิจจัง สิทธิกัมมัง ประสิทธิเม ฯ
แล้วให้ย่างสามขุม แล้วบอกไม้ต่อไป๑. ไม้หนึ่งมาชักตีตีนน่าขึ้นพร้อมชัก
๒. ไม้สองปิดปกชกด้วยศอก
๓. ไม้สามชกข้ามไหล่
๔. ไม้สี่ชกนอกเมื่อชักออกให้ชกใน
๕. ไม้ห้าชกช้างประสานงา
ห้าไม้นี้เป็นไม้ของครู แล้วมีไม้เบ็ดเตล็ดต่อไป เช่น
ไม้ทัดมาลา ๑ ไม้กาฉีรัง ๑ ไม้หนุมานถวายแหวน ๑ ไม้ล้มพลอยอาบ ๑ ไม้ลิงชิงลูกไม้ ๑ ไม้กุมภกรรฐ์หักหอก ๑ ไม้ฤๅษีมุดสระ ๑ ไม้ทศกรรฐ์โสก ๑ ไม้ตาเพียนแฝงตอ ๑ ไม้นกคุ่มเข้ารัง ๑ ไม้คชสารกวาดหญ้า ๑ ไม้หักหลักเพชร ๑ ไม้คชสารแทงโรง ๑ ไม้หนุมานแหวกฟอง ๑ ไม้ลิงกลิ้ง ๑ ไม้กาลอดบ่วง ๑ ไม้หนุมานแบกพระ ๑ ไม้หนุมานถอนตอ ๑ ไม้หนูไต่ราว ๑ ไม้ตะหลบนก ๑ ไม้ตอแหล ๑ ฯ
บอกไว้แต่เพียง ๒๑ ไม้เท่านี้ก่อน แต่ไม้เบ็ดเตล็ดยังมีมากสุดจะพรรณนา
วิธีฝึกหัดมวยไทย สมัยปัจจุบัน
หลักใหญ่สำหรับศึกษาวิชามวย ซึ่งจะปฏิบัติฝึกฝนพร้อมกันไป มี ๓ แนว คือ
๑. ฝึกให้ร่างกายมีความแข็งเรง ว่องไว
๒. ฝึกจิตใจอยู่ในบังคับ
๓. ฝึกให้รู้จักหาไหวพริบในเชิงมวย
๑. ฝึกให้ร่างกายมีความแข็งแรงอดทน ว่องไว
มีวิธีปฏิบัติ คือก. บริโภคอาหาร ที่ก่อให้เกิดความสมบูรณ์แก่ร่างกาย ต้องละเว้นอาหารที่ให้โทษ และยาเสพติด เช่น สุรา กาแฟ เป็นต้น
ข. การบริหารร่างกาย ตามหลักสุขวิทยา เช่น ต่อยลมด้วยดัมเบล ต่อยลูกบอล ผลัก และชกถุงทราย ตลอดจนการ ออกกำลัง ด้วยมือเปล่าอื่น ๆ เช่น วิ่ง กระโดดเชือก ว่ายน้ำ
โดยเฉพาะการฝึกหัดดังกล่าวนี้ จะต้องมีเครืองอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น
- กระสอบทราย ใช้ผ้าใบหรือหนังฟอก ซึ่งมีขนาดกว้างด้านหน้าราว ๒๕ เซนติเมตร สูงราว ๑ เมตร บรรจุขี้เลื่อยปน ทราย ในน้ำหนัก ๕๐ กิโลกรัม และเพิ่มขึ้นกระทั่ง ๑๐๐ กิโลกรัมได้
- ดัมเบล หรือเหล็ก หรือหินถ่วงหมัด ๑ คู่ หนักครึ่งปอนด์
- เชือกกระโดด ยาว ๒ เมตรครึ่ง ๑ เส้น
การต่อยลมด้วยดัมเบล หมัดจะแรงและทน การต่อยลูกบอล ชกถุงทราย ทำให้พุ่งหมัดถูกต้อง และมีกำลัง
การวิ่ง การกระโดดเชือก ทำให้เกิดความไว อดทน การว่ายน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะช่วยให้อดทนต่อความเหน็ดเหนื่อย
ส่วนการเพาะให้เกิดกำลัง และกล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างอื่น เช่น เล่นบาร์เบล เล่นยิมนาสติก บาร์เดี่ยว-คู่ เหล่านี้ เป็นการให้ เกิดกล้ามเนื้อใหญ่โต และมีความแข็งแรงทางกล้ามเนื้อ แต่ไม่ค่อยได้ผลสำหรับมวย ซึ่งมุ่งความว่องไว ยิ่งกว่า หากจะฝึก เพื่อกำลังบ้างก็ไม่ให้มากนัก
การหายใจช่วงยาว เป็นทำนองผายปอด สูดอากาศบริสุทธิ์ ทำให้ปอดขยายตัวเสมอ ก็จะเป็นการช่วยให้เกิดความ แข็งแรง
๒. ฝึกให้จิตใจอยู่ในบังคับ
เป็นวิธีฝึกที่ควรปฏิบัติไปกับการศึกษาแนวอื่นด้วย เพราะก่อนที่จะตัดสินใจศึกษาวิชามวยไทย จะต้องมีความตั้งใจ แน่วแน่ ว่า จะต้องพยายามจนบรรลุผลสำเร็จ เป็นการบังคับใจเป็นสัญญาข้อต้นว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก เมื่อเริ่ม การศึกษา ผู้ฝึกอาจประสบความยากลำบากบ้าง เช่น การจดจำที่ไม่แม่นยำ กำลังหรือแรงหมัดไม่แรงทันใจ เหล่านี้ เราจะ ต้องบังคับจิตใจ ให้มั่นว่าเราไม่ใจเร็วด่วนได้จนเกินไป ไม่มีใครที่จะสำเร็จวิชาเพียงการเรียนวิชาวันเดียว การต่อสู้ด้วยมวย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ความเจ็บปวด โดยเจตนาบ้างมิเจตนาบ้างเสมอ ความมีชัยของมวยอยู่ที่ ความ สามารถทำให้ฝ่ายหนึ่ง บอบช้ำยิ่งกว่าตน แม้แต่ เวลาฝึกซ้อมกันเองก็ยังมี นี่ก็เป็นการจำเป็นที่จะต้องฝึก บังคับจิตใจ ให้อดทน ไม่ให้เกิดโทสะ คือ มีโมโหโกรธง่าย ความโกรธ นอกจากจะประจานตัวเอง ว่ามิใช่ใจเป็นนักกีฬาแล้ว ยังเป็น ช่องทางให้เราเสียเปรียบคู่ต่อสู้ เป็นอันมาก เพราะขาดสติการยับยั้ง การพิจารณาที่ถูกต้อง และความสุขุมไม่สามารถ ใช้หัวคิดให้เกิดไหวพริบได้ ฉะนั้น ผู้รักษาวิชามวย ควรบังคับจิตใจ และเตือน ตัวเองอยู่เป็นนิจว่า "ไม่โกรธ" แม้จะ เห็นว่าควรโกรธอย่างยิ่ง ก็ควรคิดว่า เราถูกยั่วให้โกรธเพื่อความมีชัยของปฏิปักษ์ ซึ่งจะเป็น การโง่กว่าเขาอย่างน่า อับอายทีเดียวการฝึกบังคับจิตนี้ ย่อมพัวพันในระหว่างการฝึกความว่องไวการต่อสู้ เมื่อเราระมัดระวังอยู่เสมอ ก็จะเกิดความเคยชิน และ เป็นนิสัย ที่ดีต่อไปเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น